การฉีดไขมันหน้าอก คือการนำไขมันส่วนเกินจากร่างกายของเราเอง มาผ่านกระบวนการเตรียม ก่อนจะฉีดเข้าไปบริเวณเต้านมเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอก ซึ่งด้วยความที่เป็นไขมันของเราเอง ร่างกายจึงไม่เกิดการต่อต้านหรือแพ้ โดยธรรมชาติของไขมันคือเนื้อนิ่ม จึงช่วยให้ได้หน้าอกที่นุ่ม เนียน ดูเป็นธรรมชาติ
การเสริมซิลิโคนหน้าอก คือการผ่าตัดโดยการเปิดแผลเล็กๆ บริเวณใต้อกหรือรักแร้ แล้วใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปใต้กล้ามเนื้อหน้าอก โดยซิลิโคนมีลักษณะเป็นเนื้อเจลที่เกาะตัวกันแน่น จึงช่วยให้หน้าอกที่ได้มีรูปทรงที่คงที่ อกชิด สวยได้อย่างใจ
ข้อดีและข้อควรพิจารณา
การฉีดไขมันหน้าอก
ข้อดี:
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
- ไม่มีรอยแผลเป็น
- ได้หน้าอกที่นุ่ม ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อควรพิจารณา:
- ผลลัพธ์ได้ไม่เต็มที่เหมือนการเสริมซิลิโคน
- ไขมันอาจสลายตัวไปตามกาลเวลา ทำให้ขนาดหน้าอกลดลงได้
- ต้องฉีดไขมันหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
การเสริมซิลิโคนหน้าอก
ข้อดี:
- ผลลัพธ์ได้เต็มที่ตามต้องการ
- ได้หน้าอกที่รูปทรงคงที่ ลดโอกาสหย่อนคล้อย
- สามารถเลือกขนาดและรูปทรงได้ตามที่ต้องการ
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องผ่าตัด มีรอยแผลเป็น
- ระยะเวลาพักฟื้นนานกว่า
- มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การรั่วของถุงซิลิโคน
สรุป
การเลือกวิธีใดระหว่างการฉีดไขมันหน้าอกกับการเสริมซิลิโคนหน้าอกขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
เสริมซิลิโคนหน้าอกสิ แพงกว่าแต่ดีกว่า
ฉีดไขมันหน้าอกก็ดีนะ ไม่ต้องผ่าตัด แต่จะเจ็บตัวกว่าเสริมซิลิโคน
อยากทำทั้ง 2 แบบเลย อันไหนดีกว่ากัน
อยากทำทั้ง 2 แบบเลย อันไหนดีกว่ากัน
ฉีดไขมันหน้าอกไม่ดีเลย เจ็บตัวฟรี
เสริมซิลิโคนหน้าอกไปเลย จบๆ
เสริมซิลิโคนหน้าอกสิ แพงกว่าแต่ดีกว่า
เสริมซิลิโคนหน้าอกดีกว่า เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า
ฉีดไขมันหน้าอกก็ดีนะ ไม่ต้องผ่าตัด แต่จะได้ผลน้อยกว่าเสริมซิลิโคน
เสริมซิลิโคนหน้าอกไปเลย จบๆ
อยากรู้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ฝากแนะนำด้วยค่ะ
ฉีดไขมันหน้าอกก็ดีนะ จะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกว่า
ฉีดไขมันหน้าอกก็ดีนะ จะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกว่า
เสริมซิลิโคนหน้าอกดีกว่านะ เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า ฉีดไขมันหน้าอกผลลัพธ์จะไม่ถาวรเท่า